ฎีกา InTrend EP.60 อยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนแล้วแอบขนทรัพย์สินในกิจการที่ทำร่วมกันไปเป็นความผิด..

Описание к видео ฎีกา InTrend EP.60 อยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนแล้วแอบขนทรัพย์สินในกิจการที่ทำร่วมกันไปเป็นความผิด..

The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม

Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี

ที่ปรึกษา : อัครพันธ์ สัปปพันธ์, อรวรานันท์ ธนาพันธ์วรากุล

Show Creator : นันทวัลย์ นุชนนทรี, ศณิฏา จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, ปนัสยา ชื่นอุระ
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, โสรัตน์ ไวศยดำรง
Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์ ทศพร ศิลาบำเพ็ญ
Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์

การอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เสมอ เนื่องจากอาจจะรักใคร่ชอบพอแต่ไม่ต้องการผูกมัดกันทางกฎหมายที่อาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดในทางทรัพย์สินอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็อาจจะทำให้ส่งผลต่อการจัดการทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันมา ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้เป็นกรณีที่จำเลยกับผู้เสียหายอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วต่อมาทะเลาะกัน จำเลยขนทรัพย์สินในกิจการที่ทำร่วมกันไปจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่
นายอาทิตย์กับนางจันทร์ได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยากันจนมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ในระหว่างที่อยู่กินกันนั้นทั้งสองคนทำกิจการร้านอินเทอร์เน็ตที่บ้านของนางจันทร์ด้วย โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการลูกค้ารวม 14 ชุด โดยในการทำกิจการร้านอินเทอร์เน็ตดังกล่าว นายอาทิตย์เป็นคนไปติดต่อขอจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อประกอบพาณิชยกิจ นางจันทร์เป็นผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดีทัศน์ กิจการร้านแห่งนี้ดำเนินมาได้เรื่อย ๆ มีลูกค้าแวะเวียนไปใช้บริการอยู่สม่ำเสมอ
ต่อมานายอาทิตย์และนางจันทร์มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันจนสุดท้ายนายอาทิตย์ตัดสินใจออกจากบ้านไป แต่ต่อมานายอาทิตย์รู้ว่านางจันทร์ไม่อยู่บ้าน จึงได้ชวนเพื่อนอีกคนไปขนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง 14 ชุด ไปจากร้านอินเทอร์เน็ตดังกล่าว
นางจันทร์จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจจนมีการสอบสวนและจับกุมนายอาทิตย์ได้ พนักงานอัยการฟ้องนายอาทิตย์เป็นจำเลยต่อศาล
นายอาทิตย์ให้การปฏิเสธอ้างว่ากิจการร้านอินเทอร์เน็ตนี้เป็นของตนที่ตนเป็นคนดำเนินการเอง การที่ตนเองไปขนเครื่องคอมพิวเตอร์มาจึงไม่เป็นการลักทรัพย์
หากนายอาทิตย์และนางจันทร์จดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันย่อมถือว่าเป็นสินสมรสระหว่างทั้งสองคน แต่แม้ทั้งสองคนจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันก็ตาม แต่การที่มาอยู่ร่วมกันและทำมาหากินร่วมกันนั้นทำให้ทรัพย์สินที่ได้มาเป็นกรรมสิทธิ์รวมของทั้งสองคนที่ถือว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์นั้นต้องเป็นการ “เอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต” ดังนั้นจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีที่เป็นทรัพย์ที่เป็นของผู้อื่นอย่างเดียว แต่แม้จะเป็นทรัพย์ที่ตนเองเป็นเจ้าของ แต่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยก็เป็นความผิด
ดังนั้น การที่นายอาทิตย์กับพวกมาขนเครื่องคอมพิวเตอร์ไปจากร้านอินเทอร์ที่แม้จะเป็นร้านที่นายอาทิตย์กับนางจันทร์ทำร่วมกันในระหว่างที่อยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ตามก็เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ด้วย เพราะแม้นายอาทิตย์จะมีส่วนเป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าว แต่นางจันทร์ก็มีฐานะเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย การที่นายอาทิตย์ขนเอาไปเพื่อจะเอาไปใช้ประโยชน์เพียงลำพังจึงเป็นการเอาทรัพย์ไปโดยทุจริต
การที่อยู่กินกันกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวมของทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมนั้นไปโดยทุจริตย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายได้ หากเลิกร้างกันไป ทางที่ดีคงต้องพยายามพูดคุยแบ่งปันกันทรัพย์สินกันให้เรียบร้อยจะเป็นการดีที่สุด หากถือวิสาสะที่จะไปเอาทรัพย์สินมาเองอาจกลายเป็นปัญหาและเป็นความผิดได้

(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2563)

Комментарии

Информация по комментариям в разработке